See more at: http://www.thaismescenter.com/5-เหตุผลดีๆ-จากการ-สำรวจตลาด-แล้วจะรู้ว่าควร-ขายอะไร/
เคยนึกแปลกใจกันบ้างไหมว่าทำไมบางคนเขาถึงคิด สินค้าแปลกใหม่ ออกมาได้อยู่เรื่อยๆ บางบริษัทมีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่องตัวเก่าคนไม่ฮิตก็มีตัวใหม่ออกมาทันที ดูง่ายๆ ก็บรรดาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือนั่นแหละที่ในแต่ละปีมีออกมาหลายเวอร์ชั่น ใครที่ตามกระแสทุกครั้งก็เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่กันแทบไม่ทัน ในทางกลับกันคนจำนวนมากคิดจะขายของแต่ก็จนปัญญาไม่รู้จะขายอะไรดี มองไปทางไหนก็ตีบตันมีแต่คู่แข่งเต็มไปหมด สิ่งที่ www.ThaiSMEsCenter.com อยากนำเสนอให้ทราบในบทความนี้คือข้อเท็จจริงและเป็นความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่น บรรดาบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่เขามีสินค้าออกมาได้อย่างต่อเนื่อง นั่นเพราะเขาใช้แนวคิดสั้นๆ ว่า “เพราะคนมีปัญหา สินค้าจึงต้องเกิด” คำถามต่อมาแล้วจะเจอ “ปัญหา” นั้นได้อย่างไร สำหรับใครก็ตามที่คิดจะขายของอะไรสักอย่างมานั่งคิดนอนคิดอยู่กับบ้าน คุณไม่มีทางได้คำตอบแน่นอน สิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่เขาทำกันนั้นคือ “การสำรวจตลาด” แล้วจะรู้ทันทีว่าสินค้าชิ้นต่อไปเราจะทำอะไรขายดี และต่อไปนี้คือ 5 เหตุผลว่าเราได้อะไรบ้างจากการสำรวจตลาด
1.รู้ความเคลื่อนไหวของตลาดในขณะนั้น
อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ เป็นสุภาษิตไทยที่เอามาประยุกต์ใช้ได้ หลายบริษัทมีการจ้างทีมสำรวจตลาดเพื่อดูว่าในตลาด ณ ช่วงเวลานั้นคนกำลังสนใจอะไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสายการผลิตอะไรเป็นทุนเดิม หากเป็นแบรนด์โทรศัพท์การสำรวจก็จะเน้นว่าลูกค้ามีปัญหาในการใช้งานอะไร หรือมีอะไรที่ยังไม่คลอบคลุม หรือหากเป็นค่ายรถยนต์ก็อยากจะรู้ว่ารถยนต์แบบไหนที่คนต้องการ ราคาประมาณไหนที่ทำออกมาแล้วคนมีกำลังซื้อได้ ซึ่งหากต้องการรู้ปัญหาก็ต้องเดินไปในจุดที่มีปัญหาจะทำให้คิดพัฒนาสินค้าตัวต่อไปได้ง่ายขึ้น
2.ได้เห็นประสิทธิภาพของคู่แข่งที่แท้จริง
ธุรกิจทุกอย่างต้องมีคู่แข่ง การสำรวจตลาดนอกจากจะทำให้เราคิดค้นสินค้าที่แก้ปัญหาของคนส่วนใหญ่ได้ เรายังมีโอกาสได้เห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของคู่แข่งว่าเขาดีกว่าอย่างไร มีอะไรที่เราด้อยกว่า การลงไปสำรวจให้เห็นกับตาก็เพื่อเอาข้อมูลมาพัฒนาสินค้าให้ดีกว่าเดิมได้
3.การสำรวจช่วยเพิ่มยอดขายในกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
หากต้องการรู้ว่าจะทำสินค้าอะไรออกมาขาย ก่อนอื่นเราต้องโฟกัสก่อนว่าเราจะเลือกกลุ่มลูกค้าแบบไหน จากนั้นลงไปสำรวจในบริเวณที่มีกลุ่มลูกค้าเราเยอะ ๆ เช่น หากเราอยากทำสินค้าเกี่ยวกับเด็กก็ไปแถวโรงเรียน หรือสินค้าวัยรุ่นก็ไปแถวสยาม หรือว่าพารากอน หรืออยากทำสินค้าเกี่ยวกับคนวัยทำงานก็ไปแถวสีลมหรือย่านออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่ากลุ่มลูกค้าเรามีความต้องการสินค้าอะไร และอะไรที่เขายังไม่มี จะช่วยทำให้เรามีโจทย์ในการผลิตสินค้าได้
4.การสำรวจทำให้เราผลิตสินค้าที่ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
บางครั้งการที่เรารู้ว่าอะไรคือสินค้าที่แก้ปัญหาหรือเป็นสินค้าที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนจะตัดสินใจซื้อทันทีเพราะมีปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ราคา วิธีการใช้งาน การลงไปสำรวจตลาดจะทำให้เรารู้ไม่ใช่แค่ว่าจะขายอะไร แต่จะรู้ว่าต้องผลิตสินค้าแบบไหน อย่างไร ราคาประมาณเท่าไหร่ จึงจะถูกใจคนซื้อ
5.สามารถกำหนดเส้นทางการพัฒนาสินค้าได้
การลงพื้นที่สำรวจตลาดนอกจากจะทำให้เรารู้ว่าสินค้าแบบไหนที่คนกำลังต้องการสิ่งที่ได้คู่กันมาคือแนวทางของสินค้าที่จะทำต่อไปในอนาคต และยิ่งใครมีหัวธุรกิจด้วยแล้ว การเริ่มต้นจากสินค้าแรก จะมองเห็นภาพในหัวทันทีว่าสินค้าตัวที่ 2 ที่ 3 ควรเป็นอะไร ดังนั้นข้อดีของการสำรวจตลาดจึงไม่ใช่แค่ในระยะเริ่มต้นแต่ส่งผลถึงการตลาดในระยะยาวได้ด้วย ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆ ของประโยชน์ในการสำรวจที่ก่อให้เกิด “สายชาร์จโทรศัพท์” ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเดิมทีก็เป็นสายไฟธรรมดาที่ติดมากับโทรศัพท์ นานๆเข้าคนก็เริ่มมีปัญหาว่าสายสั้น ก็นำไปสู่พ่อค้าแม่ค้าที่เอาปัญหานี้มาทำสินค้าใหม่กลายเป็นสายชาร์จที่ยาวมากขึ้น ปลั๊กอยู่ไกลแค่ไหนก็ชาร์จได้ เท่านั้นยังไม่พอ ปัญหาสายชาร์จสั้นแก้ได้ ทีนี้ปัญหาใหม่คือแล้วถ้าตรงนั้นไม่มีปลั๊กไฟจะชาร์จอย่างไร สินค้าใหม่ที่ได้จากปัญหานี้กลายมาเป็น “Power Bank” ที่แค่สำรองไฟไว้ในเครื่องก็เสียบชาร์จโทรศัพท์ได้ทุกที่ นอกจากนี้ก็มีนักธุรกิจหัวใสที่ผลิตสินค้ามาใช้คู่กับ Power Bank อย่างเม็ดบีชถนอมสายชาร์จ เป็นต้น เราจะเห็นได้ว่าปัญหานำไปสู่การผลิตสินค้า ในขณะที่เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรออกมาขาย ให้เริ่มจากออกไปเดินดูตลาดใกล้บ้านตัวเองสำรวจให้ลึกๆ มองให้ละเอียดว่าอะไรคือปัญหา อะไรคือความต้องการ และเราก็เป็นคนที่มาลงทุนแก้ปัญหาในส่วนนั้น และเมื่อเราเริ่มต้นกับสินค้าหรือธุรกิจแรกของเราได้ ขั้นต่อไปก็คือการพัฒนาให้ดีอันเป็นการต่อยอดธุรกิจที่ดีของเรานั่นเอง